สตีฟ พาริช ประธาน คริสตัล พาเลซ แสดงความไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของทีมงานวีเออาร์ เพราะมองว่าทีมของตนควรจะได้ลูกจุดโทษ ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ดิ อีเกิ้ลส์" แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 คารัง เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ในช่วงปลายครึ่งแรก วิลฟรีด ซาฮา ดาวเตะเจ้าถิ่นได้กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกองกับพื้นจากจังหวะที่ปะทะกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ซึ่งกรรมการ เกรแฮม สกอตต์ ไม่เป่าให้มันเป็นการทำฟาวล์ ขณะที่ทีมงาน วีเออาร์ มองเห็นจังหวะนี้ แต่ตัดสินใจว่ามันไม่ใช่จังหวะที่ชัดเจนมากพอจะเป็นการฟาวล์ได้เช่นกัน
นี่ถือเป็นจังหวะเปลี่ยนเกมก็ว่าได้ เพราะในเวลาต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนที่ทีมเยือนจะได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจาก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ในนาทีที่ 78 ทำให้ พาเลซ แพ้เป็นเกมที่ 6 ติดต่อกัน
"วีเออาร์ มันพังรึไงกัน ? นี่ผมถามแบบจริงจังเลยนะ พวกเขาดูชอต ซาโก้ (สื่อถึงนัดก่อนที่ พาเลซ แพ้ วิลล่า หลังจาก มามาดู ซาโก้ โดนริบประตูเพราะ วีเออาร์ มองว่าเขาทำแฮนด์บอล ทั้งที่บอลมันไปโดนตรงหัวไหล่) อยู่หลายนาทีก่อนที่จะตัดสินว่าเขาทำแฮนด์บอล แต่กลับไม่คิดที่จะพิจารณาจังหวะนี้แม้แต่นิดเดียวได้ยังไงกัน! จังหวะนี้เป็นลูกจุดโทษแบบชัดเจน ขนาดแฟน แมนฯ ยู ที่มีตาข้างเดียวยังรู้ดีเลยว่ามันเป็นจุดโทษชัดๆ" พาริช กล่าวผ่าน ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิต
ด้าน ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตยอดกองหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้เป็นกูรูให้ บีที สปอร์ต สื่อกีฬาชั้นนำของเมืองผู้ดีก็ยอมรับว่ามันควรเป็นลูกจุดโทษจริงๆ "ผมคิดว่ามันควรเป็นลูกจุดโทษ วิลฟรีด เป็นคนที่อันตรายมากๆ ในพื้นที่นั้น เขาเป็นหนึ่งในคนที่โดนทำฟาวล์มากที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ในลีก แน่นอนว่าเท้าของเขา (ลินเดอเลิฟ) โดนบอล มันไปโดนบอลนิดๆ และ วีเออาร์ อาจจะมองตรงจุดนั้น แต่ถ้าผมเป็นนักเตะ พาเลซ แล้วล่ะก็ ผมก็คงตั้งคำถามว่าทำไมทีมของผมถึงไม่ได้ลูกจุดโทษ ? ผมมองว่ามันเป็นลูกจุดโทษ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ"